วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

On Meritless Tour ทัวร์โคราช-หนองบัวลำภู

ช่วงนี้มีวันหยุดยาวถึง 4 วัน เพราะเป็นวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา ปีนี้พ่อพาลูกๆไปทำบุญ ระหว่างทางก็แวะเที่ยวชมไปเรื่อย การเดินทางก็ผ่านขอนแก่น จุดหมายแรกคือไปชมเขื่อนอุบลรัตน์

ซึ่งเป็นบริเวณอ่างเก็บน้ำมีขนาดใหญ่มาก สุดลูกหูลูกตาเลยเชียว เมื่อยืดแข้งยืดขา สูดอากาศบริสุทธิ์ได้สักพักก็ออกเดินทางต่อไป
ถึงศาลสมเด็จพระนเรศวร
รายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวดู :


พระอนุสาวรีย์และศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช :
สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์เมื่อครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสด็จยกกองทัพมาที่ตำบลหนองบัวลำภู เมื่อ พ.ศ.2117 เพื่อไปช่วยพระเจ้ากรุงหงสาวดี ที่กรุงศรีสัตตนาคนหุต (เมืองเวียงจันทน์)เนื่องจากขณะนั้นไทยเป็นเมืองขึ้นของกรุงหงสาวดี แต่สมเด็จพระนเรศวรทรงพระประชวรพระเจ้ากรุงหงสาวดีจึงให้ยกทัพกลับกรุงศรีอยุธยา
ที่ตั้ง :
ตั้งอยู่ในบริเวณสวนสาธารณะริมหนองบัวหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองหนองบัวลำภู ถนน. - ต. - อ.อำเภอเมืองหนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู

จากนั้นก็เดินทางต่อไป ก่อนถึงวัดถ้ำกลองเพล ก็ต้องผ่าน "พิพิธภัณฑ์หอยหิน 15 ล้านปี" อยู่แล้ว จึงแวะเข้าไปชม

(ล่าง)ข้อมูลและรูปภาพสวยๆมาจาก
www.siamensis.org/board/7071.html




ออกจากสุสานหอย ก็เป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้ว จึงพากันแวะที่ตลาดสดของหมู่บ้าน เพื่อหามะละกอสุกไปฝากแม่ ช่วยกันหามาได้ประมาณ 7 ลูก (สะใจ)



จากนั้ก็ช่วยกันแบกมาใส่ท้ายรถ แล้วเดินทางต่อไปวัดถ้ำกลองเพล เพื่อกราบถวายสักการะหลวงปู่ขาว


ถวายเครื่องสังฆทานแด่พระสงค์


แล้วไปกราบพระพุทธบัณฑรนิมิต ที่ท่านอาจารย์หมอ อวย เกตุสิงห์ สร้างถวายเมื่อครั้งท่านยังมีชีวิตอยู่ ทุกวันสุดสัปดาห์ ท่านจะนั่งรถไฟไปลงที่จังหวัดอุดร แล้วเดินทางต่อด้วยรถยนต์เพื่อมากราบอาจารย์แล้วแกะงานของท่าน อันแสดงถึงความศรัทธา วิริยะ อุตสาหะ ยิ่งนัก

จากนั้นก็เข้าไปนมัสการหลวงปู่ขาว ณ หอพิพิธภัณฑ์อัฐบริขาร หลวงปู่ขาว อนาลโย


จากนั้นก็เดินทางออกจากวัดถ้ำกลองเพลต่อไป ท่าเสด็จ จังหวัดหนองคาย หลังทานอาหารเที่ยงแล้วก็เดินทางกลับ







































































วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ข้าวตอกพระร่วง

ที่มาของข้อมูล http://www.info.ru.ac.th/province/Sukhotai/PRR1.htm

ข้าวตอกพระร่วง คือ แร่ชนิดหนึ่งเป็นแร่ LIMONITE คือออกไซด์ของเหล็กชนิดหนึ่ง (2Fe2 O3 . H2O)

เนื่องจากแร่นี้ไม่มี crystal form มีลักษณะเป็น colloid จึงสามารถเกิดเป็นผลึกโดยอาศัยรูปผลึกของแร่อื่นได้ ในกรณีของข้าวตอกพระร่วงนี้อาศัยรูปผลึกของแร่ PYRITE (Fe S2) จึงเรียกว่า Limonite Pseudomorphed after Pyrite

แร่นี้มีพบมากที่จังหวัดสุโขทัย พบฝังอยู่ในหินผุตามเชิงเขาพระบาทใหญ่ เมื่อทุบให้แผ่นหินผุแตกจะพบหินเป็นรูปสี่เหลี่ยมคล้ายลูกเต๋าสีสนิมเหล็ก หรือสีน้ำตาลไหม้เล็กบ้างใหญ่บ้าง ก้อนใหญ่หน้าราบขนาดราว2-3 เซนติเมตร ก้อนเล็กราวครึ่งเซ็นติเมตร และก้อนใหญ่บางก้อนนั้น ถ้าทุบให้แตกอีกก็จะแตกเป็นก้อนย่อย ๆ รูปสี่เหลี่ยมอีกเหมือนกัน แต่บางก้อนเป็นรูปสี่เหลี่ยมยาวก็มี ชาวบ้านเรียกหินชนิดนี้ว่า ข้าวตอกพระร่วง เชื่อกันว่าเป็นของขลังและศักดิ์สิทธิ์ ป้องกันอสรพิษได้ ถ้าถูกแมลงมีพิษกัดต่อยให้เอาหินก้อนนั้นกดทับตรงบาดแผลจะระงับพิษได้ บางคนก็เอามาเลี่ยมทำเครื่องประดับใช้เป็นเครื่องราง

(ล่าง)ที่มาของข้อมูล http://www.pradee2.com/hit/ktok/index.html
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

ประวัติความเป็นมาแร่พระร่วง ข้าวตอกพระร่วงหรือข้าวพระร่วง ตามตำนานของคนโบราณเล่ากันว่าข้าวตอกพระร่วงเป็นแร่ศักดิ์สิทธิื์์ ที่เกิดขึ้นในสมัย พระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย พระร่วงท่านเป็นกษัตริย์ที่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ กล่าวคือเปล่งวาจาอะไรออกไปก็จะเป็นไปตามนั้น
ในขณะที่ท่านได้ออกผนวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ และได้ออกบิณฑบาตรในวันออกพรรษาตักบาตรเทโว เมื่อท่านฉันอาหารเสร็จแล้วข้าวที่เหลือก้นบาตรพร้อมข้าวตอกดอกไม้ท่านได้นำไปโปรยลงบนลานวัดเขาพระบาทใหญ่ แล้วทรงอธิษฐานว่า ขอให้ข้าวตอกดอกไม้นี้กลายเป็นหินชนิดหนึ่ง และมีอายุยั่งยืนนานชั่วลูกชั่วหลาน เมื่อใครที่ได้นำไปบูชา ขอให้เจริญด้วยโภคทรัพย์นานาประการ เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง...
แหล่งกำเนิด : บริเวณเขาพระบาทใหญ่ จังหวัดสุโขทัย
ลักษณะของแร่ข้าวตอกพระร่วง : มีลักษณะความแข็งคล้ายหิน มีรูปทรงตามธรรมชาติเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีสีดำ สีดำปนน้ำตาล สีดำปนลายเงินลายทอง(เชื่อถือกันว่าเป็นสื่อนำโชคลาภ และเงินทอง) เมื่อนำไปเจียรนัยจะมีลักษณะเป็นเงามันสวยงามมาก
สรรพคุณ : หลวงพ่อฤาษีฯท่านได้แจกแร่พระร่วงนี้เมื่อปี ๒๕๑๘ และได้มีประกาศไว้ดังนี้ แร่นี้มีคุณสมบัติเท่าที่ทราบจากพระธุดงค์ที่เคยประสบมาคือ
1.เมื่อจะใช้ท่านให้อาราธณาพระร่วงแล้วอมไว้ เดินทางตลอดวันไม่กระหายน้ำ
2.พระธุดงค์อีกคณะหนึ่งแจ้งว่า เมื่อเดินธุดงค์เพื่อนเกิดท้องร่วง ไม่มียาจึงเสี่ยงเอาแร่พระร่วงใส่กาต้มน้ำแล้วเอาน้ำให้ฉัน พระองค์ที่ป่วยหายจากอาการท้องร่วงทันที
3.เมื่อปี 2516 พระปลัดฉ่อง แห่งอำเภอสรรค์บุรี จังหวัดชัยนาท ได้ทำเป็นแหวนแจก ผู้รับไปจำชื่อไม่ได้ มีโจรเข้าปล้นควายโจรมีปืน เจ้าของคนเดียวมีมีดด้วยความเสียดายควายแม้จะเป็นคนเดียวและอาวุธไม่ดีก็ยอมเสี่ยงเข้าไล่โจร โจรยิงด้วยปืนพกและลูกซอง ปรากฏว่าไม่มีแผล เจ้าตัวยืนยันว่าไม่มีอะไรอื่นเลยมีเพียงแร่พระร่วงเท่านั้น...
และจากประสบการณ์ของผู้ที่ได้นำแร่นี้ไปบูชา จะพบกับความโชคดี มีโชคลาภ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด และยังสามารถนำไปฝนกับน้ำมะนาวใช้แก้พิษสัตว์กัดต่อยได้อย่างดีอีกด้วย


จากข้าวตอกที่เห็นในมือ หากท่านต้องการนำไปให้ช่างทำแหวนโดยใช้บอดี้เงิน ก็จะมีราคาค่าทำเรือนแหวนประมาณที่ 1,500 บาท (ขึ้นอยู่กับน้ำหนักเงิน)